"หน้ากากประกันเดินทาง”
“ไปเที่ยวควรทำประกัน. แต่มันมีหลายอัน อ่ะ งงเด้ งงเด้”
ช่วงนี้ใครหลายคนรวมทั้งผมกำลังอินกับกระแสรายการ The Mask Singer ที่พึ่งได้แชมป์กันไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา วันนี้ผมเลยจะมาขอแนะนำอีกหนึ่งหน้ากากที่อาจจะไม่ดังเท่าหน้ากากทุเรียน หน้ากากอีกาดำ หรือหน้ากากจิงโจ้ แต่ถ้าผู้อ่านคนไหนมีแผนจะไปท่องเที่ยวในวันหยุดยาวเดือนหน้าควรจะต้องทำความรู้จักหน้ากากอันนี้กันเอาไว้ เพื่อที่จะได้อุ่นใจเวลาท่องเที่ยว นั่นก็คือ “หน้ากากประกันเดินทาง”
ซึ่งวันนี้ผมจะขออาสากระชาก “หน้ากากประกันเดินทาง” ออกมาให้ทุกท่านได้รู้จักและเข้าใจกันมากขึ้น
สำหรับหน้ากากประกันเดินทางอาจจะไม่ได้มีเสียงร้องที่ไพเราะ หรือ น่ารักตะมุตะมิ แบบหน้ากากทุเรียน แต่ข้ออื่น ๆ ที่มีก็สู้ได้สูสีนะครับ
“เจ็บก็จ่าย ป่วยก็จ่าย”
หลายคนมักเข้าใจผิดว่าการทำ ประกันเดินทาง จะได้รับความคุ้มครองเฉพาะกรณีที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุเท่านั้น แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ครับ เพราะประกันเดินทางนั้นจะให้ความคุ้มครองรวมถึงกรณีที่เราป่วยหรือไม่สบายจากโรคภัยต่าง ๆ ที่ไม่ใช่โรคประจำตัวของเราด้วย เช่น ถ้าเกิดอาหารเป็นพิษจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลระหว่างไปเที่ยว แบบนี้ประกันเดินทางก็จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เราด้วยครับ
เรียกได้ว่าคุ้มค่าจริง ๆ สำหรับประกันเดินทาง เพราะ ไม่ว่าเราจะเจ็บป่วย หรือบาดเจ็บจากอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง เราก็จะได้รับความคุ้มครองแบบครบถ้วน
“หลากหลายความคุ้มครองเพิ่มเติม”
นอกจากความคุ้มครองจากการเจ็บป่วยระหว่างเดินทางแล้ว ประกันเดินทางส่วนใหญ่ยังมีความคุ้มครองเพิ่มเติมให้เลือกเพิ่ม เช่น หากเรากังวลว่าเครื่องบินจะดีเลย์ กระเป๋าจะสูญหาย เสียหาย หรือถูกส่งไปผิดที่ แบบนี้เราก็สามารถเลือกแบบประกันเดินทางที่มีความคุ้มครองในส่วนนี้ได้ หรือถ้าเราจะต้องเดินทางไปในประเทศที่มีปัญหาเรื่องการชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ เราก็สามารถเลือกประกันเดินทางที่ให้ความคุ้มครองในส่วนนี้ได้เช่นกันครับ
เรียกได้ว่า ทำประกันเดินทางไว้กรมธรรม์เดียว เราก็สามารถเลือกความคุ้มครองได้แบบครอบคลุมครบถ้วน หมดห่วงทุกความกังวลเลยครับ
“จ่ายหลักร้อย คุ้มครองหลักล้าน”
หลายท่านอาจจะคิดว่าเบี้ยประกัน ที่ให้ความคลอบคลุมเยอะขนาดนี้ต้องแพงมากแน่ ๆ ผมขอบอกเลยว่าไม่จริงครับ ประกันเดินทางเป็นประกันที่ค่าเบี้ยประกันถูกมาก เริ่มต้นที่หลักร้อยต้น ๆ สำหรับความคุ้มครอง 1 – 2 ล้าน ซึ่งถือว่าถูกมากสำหรับคนที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ หรือถ้าหากต้องการความคุ้มครองที่สูงขึ้น หรือระยะเวลาการเดินทางที่นานขึ้น ก็จ่ายเพิ่มเป็นหลักร้อยปลาย ๆ หรือพันต้น ๆ ก็ได้รับความคุ้มครองที่ตามที่เราต้องการแล้วครับ
สำหรับผม คิดว่าเงินหลักร้อย เทียบกับความคุ้มครองหลักล้านแบบนี้ ถือว่าทำเผื่อเอาไว้ก็ไม่เสียหลาย คิดเสียว่ามีประกันแล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่าจำเป็นต้องใช้แต่ไม่มีประกันดีกว่าครับ
อ่านมาถึงตรงนี้ ผมคิดว่าหลายท่านก็คงจะรู้จักกับ “หน้ากากประกันเดินทาง” กันมากขึ้นพอสมควรแล้ว ถ้าอยากรู้จักกันมากขึ้นกว่านี้ ไม่ต้องกดโหวต หรือรอติดตามชมสัปดาห์หน้านะครับ เพียงแค่ก่อนที่ท่านจะไปเดินทางไปต่างประเทศครั้งต่อไป อย่าลืมซื้อประกันเดินทางติดตัวไว้ด้วยนะครับ แต่ถ้าไม่รู้ว่าซื้อประกันของที่ไหนดี ผมก็ขอแนะนำให้ซื้อกับบริษัทที่มีชื่อเสียงและเครือยข่ายในระดับนานาชาติ เพราะอย่าลืมว่าถ้าท่านต้องประสบเหตุที่ต่างประเทศ ประกันที่มีเครือข่ายในต่างประเทศมาก ๆ ก็จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ท่านได้ดียิ่งขึ้นครับ
และผมก็ขอฝากประกันเดินทางจาก AXA ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจ ขอเป็นหนึ่งในตัวเลือกของทุกท่านด้วยนะครับ
โดย พี่พีท (พีรภัทร ฝอยทอง, CFP®)