ค้นหาศูนย์บริการและสาขา เช็คราคา
icon-ask-question
ค้นหาศูนย์บริการและสาขา

กรุณากรอกข้อมูล

กรุณากรอกข้อมูล

อีเมลไม่ถูกต้อง

กรุณากรอกข้อมูล

กรุณากรอกข้อมูล

กรุณากรอกข้อมูล

แอกซ่าจับมือแคร์สานต่อโครงการ “ฝนตกที่ไหน” อย่างต่อเนื่อง สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  มีความมั่นคงด้านอาหาร และการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน

แอกซ่าจับมือแคร์สานต่อโครงการ “ฝนตกที่ไหน” อย่างต่อเนื่อง สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีความมั่นคงด้านอาหาร และการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน

แอกซ่าประกันภัย นำพนักงานสานต่อโครงการ “Where the Rain Falls? : ฝนตกที่ไหน ร่วมมือร่วมใจสร้างฝายชะลอน้ำและพัฒนาองค์ความรู้พื้นฐานในการบริหารจัดการน้ำแก่ชาวบ้าน มุ่งหวังให้ชุมชนท้องถิ่นพร้อมรับมือกับผลกระทบที่เกิดมาจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป (Climate Change) และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน มีประชากรกว่า 750,000 คนใน 8 ประเทศทั่วโลกได้รับประโยชน์แล้ว

นายมาร์ติน รูแอค กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ประชากรโลกกำลังเผชิญกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลกระทบต่อผู้คนนับล้านในทั่วทุกมุมโลก ซึ่งนับตั้งปี 2554 กลุ่มแอกซ่าได้ร่วมมือกับองค์การแคร์นานาชาติ จัดทำงานวิจัยเพื่อศึกษาความเชื่อมโยงกันระหว่างผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Adaption) ภายใต้ชื่อโครงการ Where the Rain Falls?: “ฝนตกที่ไหน”เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร การดำรงชีวิต และการย้ายถิ่น สร้างองค์ความรู้ให้กับชุมชนสามารถรับมือกับปัญหาที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะกรณีของปริมาณน้ำฝน และการตกของฤดูฝนที่คลาดเคลื่อนไปตรงตามฤดูกาล โดยมีผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้แล้วราว 750,000 คนจาก 8 ประเทศ ครอบคลุม 3 ทวีป ได้แก่ บังกลาเทศ กานา กัวเตมาลา อินเดีย เปรู แทนซาเนีย เวียดนาม และประเทศไทย

สำหรับประเทศไทย แอกซ่าประกันภัยและองค์การแคร์นานาชาติ ในนาม มูลนิธิรักษ์ไทย ได้ดำเนินการศึกษาถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการตกของฝนที่สร้างผลกระทบต่อเกษตรกรรายย่อย โดยเฉพาะเกษตรกร บนพื้นที่สูงในจ.เชียงใหม่ และ จ. น่าน ซึ่งต้องพึ่งพาน้ำฝนเป็นปัจจัยหลัก โครงการได้ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำเป็นหลัก เพื่อให้ชุมชนสามารถยืนหยัดต่อปัญหาที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อย่างยั่งยืน มีการวางแผนบริหารจัดการน้ำแบบองค์รวม เริ่มจากการอนุรักษ์และฟื้นฟูพื้นที่ต้นกำเนิดน้ำ การสร้างฝายฟื้นฟูป่า การวางระบบการส่งและกักเก็บน้ำให้เกษตรกรมีน้ำเพียงพอตลอดปีสำหรับใช้ในการเกษตรและการอุปโภคบริโภค การพัฒนาระบบการเกษตรที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและภูมิปัญญาท้องถิ่น และการจัดการน้ำของชุมชน โดยดำเนินงานร่วมกับองค์กรชุมชนใน 5 อำเภอ 20 ชุมชน โดยมีผู้ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการดำเนินโครงการถึง 5,686 คน ใน 1,111 ครัวเรือน

ในปี 2558 นี้ แอกซ่าประกันภัยและมูลนิธิรักษ์ไทย ได้คัดเลือกพื้นที่ในหมู่บ้านแจ่มน้อย ต.บ้านจันทร์ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ ซึ่งประสบปัญหาเกี่ยวกับภัยแล้งอย่างรุนแรง เป็นปัญหาวิกฤติของชุมชน โดยพบว่ามีรูปแบบการตกของฝนที่เปลี่ยนแปลงไป คือ ฝนตกล่าช้า ฤดูฝนสั้นลง ฤดูแล้งยาวนานขึ้น ฝนตกหนักในช่วงเวลาสั้น ๆ และทิ้งช่วง ทำให้ชุมชนต้องประสบทั้งปัญหาน้ำแล้งและน้ำท่วมในปีเดียวกัน

แอกซ่าประกันภัยจึงได้นำพนักงานจิตอาสา ร่วมกับ เจ้าหน้าที่มูลนิธิรักษ์ไทย และ ชาวบ้านในชุมชน ร่วมกันจัดสร้างฝายชะลอน้ำ เพื่อให้เกษตรกรมีน้ำไว้ทำการเกษตรและดำรงชีวิต ช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร สร้างความมั่นคงด้านอาหารและรายได้ให้กับคนในชุมชน และยังทำให้สัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าตามธรรมชาติได้มีแหล่งน้ำดื่มเพิ่มขึ้น อีกทั้งฝายยังช่วยสร้างความชุ่มชื้นเป็นแนวป้องกันไฟป่าตามธรรมชาติได้เป็นอย่างดี

“นอกจากแอกซ่าประกันภัย จะมุ่งเน้นพันธกิจที่ยึดมั่นต่อพันธะสัญญาของกลุ่มแอกซ่าอย่างเคร่งครัดแล้ว ยังได้แผ่ขยายความรับผิดชอบไปสู่ลูกค้า หุ้นส่วนธุรกิจ ผู้ถือหุ้น พนักงาน และยังให้ความสำคัญไปถึงชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เพื่อให้เราอยู่ในใจของคนทั่วโลก การันตีจากการเป็นแบรนด์ประกันภัยอันดับ 1 ต่อเนื่องกันเป็นเวลาถึง 7 ปีซ้อน ถือเป็นสิ่งที่พิสูจน์ความแข็งแกร่งตอกย้ำความเป็นผู้นำระดับโลกและตัวจริงในตลาดประกันภัยไทยได้เป็นอย่างดี” นายมาร์ติน กล่าวทิ้งท้าย