Loading...
Loading...
ส้มเป็นสาวออฟฟิศชอบกินจุบจิบ ทั้งที่เพิ่งอิ่มอาหารมื้อเที่ยง ยังต้องซื้อขนมนมเนยติดขึ้นมาบนโต๊ะทำงาน และมักจะมีข้ออ้างเสมอๆ ว่า ถ้าไม่มีอะไรใส่เข้าปากจะคิดงานไม่ค่อยออก เชื่อแน่ว่า หากยังไม่ยอมหยุดพฤติกรรมแบบนี้ สารพัดโรคจะตามมารุมเร้าแน่นอน ลองมาดูวิธีแก้กันดีกว่า
1.หัดกินมือเช้า ให้สำรวจตัวเองกันก่อนว่า ปล่อยให้ท้องว่างนานเกินไปหรือไม่ ปกติคนไม่ชอบกินมื้อเช้า จะมากินรวบสองมื้อไว้ที่ตอนเที่ยง แต่ไม่เกิน 1-2 ชั่วโมงก็จะหิวอีก การกินเหมารวบเป็นมื้อเดียว จะยิ่งทำให้อ้วนฉุ เพราะร่างกายได้หลั่งฮอร์โมนความหิวหรือ Ghrelin ไปสั่งสมองให้กระตุ้นการอยากกิน เลยต้องหิ้วขนมขบเคี้ยวหรือผลไม้รถเข็นจิ้มพริกเกลือมากินต่อ กลายเป็นผลเสียต่อสุขภาพ วิธีการแก้ ควรกินอาหารมื้อเช้าทุกวัน อาจจะเป็นโจ๊กร้อนๆ ใส่ไข่ที่ทำสุก หรือจะเป็นซีเรียล โยเกิร์ตรสธรรมชาติไขมันต่ำหรือศูนย์เปอร์เซ็นต์ และหวานน้อย จะไม่รู้สึกหิวง่าย
2.มื้อหลักกินให้อิ่ม แนะกินมื้อกลางวันเต็มที่ เน้นอาหารที่มีแคลอรี่ไม่สูงเกินไปนัก แต่ก็คงอดใจไม่ไหวยังต้องสั่งกินเนื้อสัตว์ทั้งหมู เนื้อ และสัตว์ปีก ก็ให้ทานแต่พอดี อาจจะสลับกินพวกปลาที่ให้พลังงานน้อยแถมยังช่วยบำรุงสมอง อย่าลืมมีผักไว้เคียงข้างด้วย กินแล้วไม่อ้วนยังมีสารอาหารที่เป็นคุณต่อร่างกาย ที่สำคัญควรทานข้าวกล้อง จะรู้สึกอิ่มนาน หากใส่ใจดูแลได้อย่างนี้ จะไปหิวตอนมื้อเย็นพอดี
3.ควบคุมปาก จิตใจเข้มแข็ง บางคนยังมีข้ออ้างมื้อเช้าก็กิน มื้อเที่ยงก็กิน แต่มีมื้อยิบย่อยตามมาอีก เกิดความเคยชินที่ต้องมีอะไรเข้าปากอยู่ตลอด ใครที่เป็นได้ขนาดนี้ต้องสร้างจิตสำนึกใหม่ได้แล้ว หักห้ามใจและควบคุมความอยากกินในมื้อที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพมากที่สุด ต้องค่อยๆ ลดละเลิกไป อย่าปล่อยให้เกิดโรคความดัน เบาหวาน ไขมันสูง เป็นแล้วต้องกินยากันตลอดชีวิต
4.กินถั่วแทนก็แล้วกัน มีทางเลือกสำหรับคนที่ต้องกินมื้อจุบจิบ อาจกินถั่วที่มีทั้งโปรตีนและไขมันชนิดดี ต้องเน้นถั่วอบแห้ง ไม่แนะนำถั่วทอดที่มีพลังงานสูง หรือจะกินเมล็ดพืชที่มีใยอาหารสูง ทั้งโปรตีนและแร่ธาตุมากมาย กินแล้วอิ่มนาน ช่วยลดคอเลสเตอรอล ยกตัวอย่าง เช่น ถั่วลิสง ถั่วปากอ้า อัลมอนด์ วอลนัท ลูกเกาลัด พิสตาชิโอ และเมล็ดแตงโม เป็นต้น ขอเน้นให้กินแค่รองท้องก็พอ