ค้นหาศูนย์บริการและสาขา เช็คราคา
icon-ask-question
ค้นหาศูนย์บริการและสาขา

กรุณากรอกข้อมูล

กรุณากรอกข้อมูล

อีเมลไม่ถูกต้อง

กรุณากรอกข้อมูล

กรุณากรอกข้อมูล

กรุณากรอกข้อมูล

“ประกันเป็นเรื่องของคนโชคดี ช่วยคนโชคร้าย”

“ประกันเป็นเรื่องของคนโชคดี ช่วยคนโชคร้าย”

      ช่วงประมาณปลายเดือนที่แล้ว หลายท่านอาจจะเห็นข่าวเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น แล้วเป็นโรคหัวใจฉับพลัน จนต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน เบื้องต้นมีค่ารักษาพยาบาลที่ต้องจ่ายให้กับโรงพยาบาลในญี่ปุ่นอย่างน้อยถึง 10 ล้านเยน หรือประมาณ 3 ล้านบาท

      ซึ่งตามข่าวที่ออกมานั้น พี่สาวของนักท่องเที่ยวท่านนี้ได้ประกาศผ่าน Facebook ว่า ทางครอบครัวต้องการขอความช่วยเหลือ โดยประสงค์ที่จะขอรับเงินบริจาคเพื่อช่วยสมทบในการจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลของน้องสาวด้วย เนื่องจากน้องสาวไม่ได้ทำประกันการเดินทางที่คุ้มครองในเรื่องของการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุไว้ (อ่านรายละเอียดข่าวได้ที่ http://www.thairath.co.th/content/848089)

      เมื่อทราบข่าวนี้ ผมต้องขอเป็นกำลังใจให้น้องท่านนี้หายป่วยไว ๆ นะครับ วันนี้ที่นำเรื่องนี้มาเล่า ก็เพื่ออยากให้หลาย ๆ ท่านเห็นความสำคัญของการทำประกันภัยครับ หลายท่านอาจจะคิดว่าการทำประกันเป็นการเสียเงินฟรี ทำไปไม่เคยได้ใช้เลย แล้วจะทำไปทำไม?

      ผมขอยกคำพูดของ “ดีเจพี่อ้อยแห่ง Club Friday” ที่เคยมาพูดในงานเปิดตัวประกันภัย แฮปปี้ เลดี้ ของแอกซ่า เมื่อปีที่แล้ว มาซักประโยคนะครับ ที่ว่า

      “การทำประกันเป็นเรื่องของคนโชคดี ช่วยคนโชคร้าย”

      ผมว่าประโยคนี้สามารถอธิบายความหมายของประกันได้เข้าใจง่ายมากที่สุดเลยครับ เพราะการทำประกันไปแล้วเราไม่ได้ใช้ หมายความว่าเราโชคดีครับ หรือเป็น “คนโชคดี” ที่ไม่เจ็บ ไม่ป่วย เลยไม่ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล หรือต้องทำเรื่องเบิกค่าใช้จ่ายใด ๆ

      กลับกัน “คนโชคร้าย” หมายถึงคนที่เจ็บป่วย มีอุบัติเหตุ แม้จะสามารถทำเบิกเรื่องเงินค่ารักษาพยาบาลได้ แต่ถ้าให้เลือก ผมก็คิดว่าคงไม่มีใครอยากเจ็บป่วยหรอกครับ ลองคิดดู ถ้าไปเที่ยวเมืองนอกอยู่ แล้วเกิดเจ็บป่วยระหว่างเที่ยว ไม่สนุกหรอกครับ ผมจึงเห็นด้วยกับที่ดีเจพี่อ้อยว่าไว้นะ ว่า “คนที่ทำประกันแล้วได้ใช้ ถือเป็นคนที่โชคร้ายมาก” นะครับ

      จากข่าวที่ผมได้เล่าไปตอนต้น ต้องบอกว่าน้องท่านนั้นโชคร้ายจริง ๆ ที่เกิดป่วยรุนแรงแบบกะทันหัน ซ้ำยังไม่ได้ทำประกันเดินทางไว้ด้วย ความจริงแล้วประกันเดินทางนั้นมีค่าเบี้ยประกันที่ถูกมากเพราะเบี้ยประกันจะอยู่ที่ประมาณหลักร้อยบาทเท่านั้นเอง แต่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเป็นล้านเลยนะ (ลองเข้าไปดูตัวอย่างความคุ้มครองของแอกซ่า ได้ที่ https://www.axa.co.th/th/smarttraveller-plus

      ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราจะเดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น 7 วัน ค่าเบี้ยประกันก็จะเริ่มต้นที่ 200 กว่าบาท เท่านั้นเองครับ (ราคาขึ้นอยู่กับวงเงินความคุ้มครองที่เลือกนะครับ) ซึ่งประกันเดินทางนอกจากจะให้ความคุ้มครองในส่วนของค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วยแล้ว ความคุ้มครองอื่น ๆ ก็น่าสนใจเช่นกันครับ เช่น ความคุ้มครองกรณีที่เที่ยวบินล่าช้า ความคุ้มครองกรณีที่เงินสดหรือทรัพย์สินส่วนตัวถูกชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ หรือเงินชดเชยระหว่างพักรักษาตัวในโรงพยาบาล เป็นต้น

      เราไม่มีทางรู้หรอกครับ ว่าจะเกิดเหตุอะไรกับเราบ้างระหว่างการเดินทาง ดังนั้น ทางที่ดีถ้าจะเดินทางไปเที่ยวที่ไหน ไม่ว่าในหรือนอกประเทศ อย่าลืมทำประกันภัยการเดินทางเอาไว้นะครับทำไว้ก็อุ่นใจกว่า เบี้ยประกันก็ไม่แพง คิดเสียว่าทำไปแล้วถ้าเราไม่ได้ใช้ ก็ถือว่าเราโชคดี ไม่เจ็บไม่ป่วย แต่เบี้ยประกันที่จ่ายไปก็จะสามารถเอาไปช่วยคนอื่นที่โชคร้าย แบบที่ดีเจพี่อ้อยได้ว่าไว้แล้วกันครับ

ให้แอกซ่าเป็นเหมือน Travel Guardian ผู้คุ้มครองคุณในทุกทริปการเดินทาง

โดย พี่พีท (พีรภัทร ฝอยทอง, CFP®)