รู้จักเทรนด์ใหม่การลดน้ำหนัก Intermittent Fasting คืออะไร?

Intermittent Fasting หรือ IF เป็นสูตรการลดน้ำหนักอีกเทรนด์หนึ่งที่มีการกล่าวถึงกันมากมาย เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก มีงานวิจัยมากมายที่สนับสนุนการลดน้ำหนักด้วยวิธีการแบบนี้ ด้วยหลักง่าย ๆ ว่า คือ การงดอาหารเป็นช่วงเวลา มีการจัดแบ่ง “เวลากิน” กับ “เวลางด” อย่างชัดเจน ส่งผลดีต่อการควบคุมปริมาณแคลอรี่ในร่างกาย กระตุ้นการเผาผลาญช่วยการรีดไขมันไปในตัว ความหนารอบเอว ไขมันส่วนเกินตามร่างกายจะลดลงไป และส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย

แต่วิธีลดน้ำหนักแบบนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่ยังต้องดูแลสุขภาพอย่างเข้มงวด ยกตัวอย่าง ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ หรือเพิ่งคลอดลูกใหม่ๆ ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานที่อยู่ในภาวะระดับค่าน้ำตาลสูง ความดันโลหิตต่ำ และผู้ป่วยยังต้องกินยาตามแพทย์สั่ง เป็นต้น

รูปแบบของวิธีการ Intermittent Fasting ยกตัวอย่างได้ดังนี้

1. IF แบบ 16:8 การงดอาหารที่มีช่วงยาวนานติดต่อกัน 16 ชั่วโมง และมีช่วงที่รับประทานอาหาร 2 มื้อห่างกัน 8 ชั่วโมง คือเริ่มสตาร์ทมื้อแรกตอนเที่ยงวัน (12.00 น.) ก่อนจะไปรับประทานมื้อที่สอง (มื้อสุดท้าย) ในเวลา 2 ทุ่ม (20.00 น.) จะห่างกัน 8 ชั่วโมง จากนั้นจะงดอาหารเลยข้ามไปจนถึงเวลาเที่ยงวันของอีกวัน (12.00 น. วันที่สอง) หรือห่างเป็นเวลา 16 ชั่วโมง เวลาเริ่มรับประทานอาหารมื้อแรกอาจหาเวลาที่สะดวกของแต่ละคน  เป็นสูตรที่นิยมมากที่สุด ไม่กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันมากนัก

2. IF แบบ 19:5 เป็นการงดรับประทานอาหารที่ยาวนานถึง 19 ชั่วโมง และมีช่วงเวลารับประทานอาหาร 5 ชั่วโมง หรือมื้อใหญ่มื้อเดียว อาจจะทำยาก เพราะต้องงดอาหารนานขึ้นมาอีก ยกตัวอย่าง มื้อแรกเริ่มตอน 10.00 น. จะได้กินมื้อที่สองตอนเวลา 17.00 น.ของอีกวัน แต่ถ้าค่อยๆ ทำไป ไม่หักโหม ร่างกายจะปรับสภาพได้เอง

3. IF แบบ 5:2 ในการรับประทานอาหารสัปดาห์ละ 7 วัน สามารถรับประทานตามปกติได้ 5 วัน ที่เหลืออีก 2 วัน จะต้องควบคุมอาหารที่ให้พลังงานประมาณ 500-600 แคลอรี่ต่อวันเท่านั้น

4. การมุ่งงดอาหาร 1 วัน หรือ 24 ชั่วโมง แค่สัปดาห์ละ 1-2 วัน ก็พอ ยกตัวอย่าง งดมื้อเช้ายาวต่อเนื่องไปจนถึงมื้อเช้าของอีกวัน ส่วนวันอื่นๆ รับประทานอาหารได้ตามปกติ

5 การสลับกินและงดอาหารแบบวันเว้นวัน หรือกำหนดง่ายๆ ตามปฏิทิน คือ กินวันคี่ งดวันคู่

ข้อสำคัญในการมุ่งลดน้ำหนักแบบ IF นี้ ช่วงที่รับประทานอาหารควรกินให้ครบ 5 หมู่ ไม่เน้น หวาน มัน เค็ม จนเกินไป ของหวานทุกประเภทยังทานได้แต่ต้องระวังปาก คนที่ต้องควบคุมน้ำตาลในร่างกายก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี ส่วนช่วงที่ต้องงดอาหาร ดื่มน้ำเปล่าได้ตามปกติ จะจิบพวกกาแฟไม่ใส่น้ำตาลสักแก้ว หรือจิบน้ำอัดลมประเภทซูการ์ฟรี  ร่างกายจะได้ไม่เพลียจนเกินไป ทั้งหมดนี้ให้ยึดทางสายกลางของแต่ละคนเอาไว้เป็นดีที่สุด

หากคุณเป็นคนที่รักสุขภาพ และอยากที่จะปกป้องตัวคุณเองและคนที่คุณรักจากเหตุไม่คาดฝัน สนใจซื้อประกันสุขภาพที่เหมาะกับคุณหรือค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  https://www.axa.co.th/personal-health-insurance